ไบโอมป่าสน (6 ต.ค. 2551)
ไบโอมป่าสน
โดย. ดร.วนิดา ธนประโยชน์ศักดิ์
ไบโอมป่าสน จัดเป็นไบโอมบนบกที่สำคัญประเภทหนึ่ง พบกระจายอยู่ในเขตละติจูดเหนือ จึงเรียกว่า ป่าสนตอนเหนือ (Northern Coniferous Forest) หรือป่าไทกา (Taiga forest) หรือป่าบอเรียล (Boreal forest) ป่าประเภทนี้จัดเป็นป่าประเภทไม่ผลัดใบ มีพื้นที่ครอบคลุมในเขตทวีปอเมริกาเหนือจากมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก รวมทั้งพื้นที่บริเวณยุโรปเหนือ สแกนดิเนเวีย รัสเซียและแถบเอเซียผ่านไซบีเรียและมองโกเลียไปทางตอนเหนือของประเทศจีนและตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ลักษณะภูมิอากาศของไบโอมป่าสนจะหนาวเย็นและแห้ง โดยปกติจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าจุดเยือกแข็งนานถึง 6 เดือนต่อปี มีช่วงฤดูร้อนสั้น ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 25-75 เซนติเมตรต่อปี ส่วนใหญ่ฝนจะตกในช่วงฤดูร้อน ไม้เด่นที่พบในป่าสน ได้แก่ จำพวกสพรูซ (spruces) เฮมลอค (hemlocks) ไพน์ (pines) และเฟอ (firs) ไม้เหล่านี้เป็นไม้เนื้ออ่อนสามารถขึ้นได้ดีในสภาวะที่ดินเป็นกรด มีใบเขียวตลอดปี ใบมีขนาดเล็ก รูปเข็ม (needle-like) หรือบางชนิดมีลักษณะคล้ายเกล็ด (scale-like) มีสารจำพวกขี้ผึ้งเคลือบที่ผิวใบภายนอกทำให้สามารถป้องกันการสูญเสียน้ำในช่วงที่อากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็งได้ ลำต้นมีกิ่งก้านที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่น ในฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนักคุณสมบัติของการที่มีกิ่งก้านยืดหยุ่นจะทำให้หิมะที่เกาะร่วงหล่นไปตามพื้นดินซึ่งสามารถช่วยไม่ให้หิมะที่ตกมาเกาะจับหนามากจนอาจทำให้กิ่งหักได้และเนื่องจากใบสนมีสารจำพวกขี้ผึ้งเคลือบเมื่อร่วงหล่นตามพื้นดินจึงทำให้ยากต่อการสลายโดยจุลินทรีย์ จึงทำให้ดินบริเวณนั้นค่อนข้างเป็นกรดและมีอินทรียวัตถุน้อย พืชจำพวกสนในป่าประเภทนี้จะสร้างอวัยวะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า โคน (cone) ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า coniferous forest หมายถึงป่าที่มีพืชที่สามารถสร้างโคนได้นั่นเอง
สพรูซ (Picea sp.) มีทั้งหมดประมาณ 35 สปีชีส์ ลำต้นส่วนใหญ่มีรูปทรงพิรามิดและค่อนข้างสูง ที่รู้จักและคุ้นเคยกันดีส่วนใหญ่นำมาจัดตกแต่งเป็นต้นไม้ในเทศกาลคริสต์มาส และนิยมนำมาทำเป็นไม้บอนไซเนื่องจากรูปทรงของกิ่งก้านเรียงกันเป็นวงซ้อนกันขึ้นไปดูสวยงามและใบรูปเข็มค่อนข้างสั้น โคนก้านที่ติดกับใบค่อนข้างแคบ มีโคนขนาดเล็ก โคนเพศผู้และเพศเมียอยู่ภายในต้นเดียวกัน การจำแนกสปีชีส์ของสพรูซจะใช้ลักษณะของโคนในการจำแนกเฮมลอค (Tsuga sp.) เป็นพืชพื้นเมืองทางฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือและทางตะวันออกของทวีปเอเซีย ลักษณะเด่นของพืชชนิดนี้คือ มีใบรูปเข็มแบน บนแผ่นใบมีเส้นสีขาว 2 เส้นขนานกัน ก้านใบสั้นและมีโคน (cone) ขนาดเล็กและสั้นอยู่ในตำแหน่งที่ห้อยลงจากกิ่งก้าน เปลือกไม้มีสารพวกแทนนิน เนื้อไม้อ่อนแต่มีความเหนียวและแข็ง จึงเป็นไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจในการนำมาใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างต่าง ๆ ทำกล่องบรรจุภัณฑ์และกระดาษ เป็นต้น
ไพน์ (Pinus sp.) เป็นพืชที่มีลักษณะทางกายภาพที่กว้าง สามารถเจริญได้ทุกแห่ง คุณลักษณะ 2 ประการที่ใช้ในการจำแนกไพน์ออกจากสนสกุลอื่น ประการแรกได้แก่ ใบสนรูปเข็มรวมอยู่กันเป็นกลุ่มจำนวน 2 ใบหรือมากกว่าสองใบโดยมีกาบเล็ก ๆ หุ้มที่รอบฐานของกลุ่ม ประการที่สอง โคนของไพน์จะมีลักษณะเป็นเป็นเนื้อไม้และแข็งกว่าโคนของสนสกุลอื่น รูปทรงของลำต้นมีกิ่งก้านแผ่ออกเหมือนมงกุฎ ใบนิยมนำมาทำเป็นชาเนื่องจากมีรสกลมกล่อมไม่ขมและมีฤทธิ์ทางยาในการช่วยขับปัสสาวะ สารสกัดจากด้านในของเปลือกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคท้องร่วงและแก้ไอ ยางสามารถนำมาอุดรอยรั่วของเรือหรือหลังคาได้
92,965 total views, 1 views today