ภาวะโลกร้อน (Global warming)
นางสาวยุวศรี ต่ายคำ
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกส่วนใหญ่กล่าวว่าโลกกำลังร้อนขึ้นโดยอ้างอิงจากปรากฏการณ์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆที่เกิดบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นต้นว่าเกิดพายุบ่อยครั้งเกิด ความ แห้งแล้งและน้ำท่วมรุนแรงผิดปกติ น้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงจน ทำให้หลายประเทศมีแนวโน้มว่าจะจมอยู่ใต้น้ำเช่น หมู่เกาะมัลดีฟ อกจากนี้ภาวะโลกร้อน ยังส่งผล ต่อการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลและการไหลเวียน ของกระแสน้ำในทะเลก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนโลกนี้
สาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้นนั้นเกิดจากชั้นบรรยากาศของโลกมีแก๊ส ต่างๆสะสมเพิ่มมากขึ้นโดย เฉพาะแก๊สเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัส ออกไซด์มีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งแก๊ส เหล่านี้เปรียบเสมือนหลังคากระจกของโลก มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมา ยังพื้นโลกสะท้อนกลับออกไปได้หมดจึงทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกค่อนข้างสูงขึ้น นอกจากนั้นสาร คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (สาร CFCs) ก็มีส่วนทำลายชั้น โอโซนซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลก เมื่อชั้นโอโซนถูกทำลาย รังสีอัลตราไวโอเลตจะส่องผ่านมายังผิวโลกได้มากขึ้น ก่อให้เกิดอันตรายต่อ มนุษย์เช่น เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิด น้ำท่วมเฉียบพลัน ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ เนื่องจากอุณหภูมิและการ รวมตัวของไอน้ำในอากาศเปลี่ยนไปทำให้เขตแดนระหว่างทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ เปลี่ยนแปลงเป็นสภาพ ภูมิอากาศใหม่ ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวได้สูญพันธุ์ไปในที่สุด ทะเลทรายจะมีความ แห้งแล้งมากขึ้น อุณหภูมิที่สูงส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านผลกระทบต่อมนุษย์ พบว่าผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงจะทำให้บางภูมิภาคของโลกประสบภาวะขาดแคลนอาหารจนก่อ ให้เกิดโรคขาดสารอาหาร นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศยังมีผลต่อความคงทนของ เกสรสปอร์และสารมลพิษบางชนิดซึ่งอาจทำให้เกิดโรคหืด หอบหรืออาการภูมิแพ้ได้
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ประเมินถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อประเทศไทยว่ามีความ เป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เกิดอุทกภัยรุนแรงขึ้นใน พื้นที่ราบลุ่ม กรุงเทพมหานครจะเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำล้นตลิ่งและอุทกภัย แนวชาดหาดจากจังหวัดเพชรบุรีจนถึงสงขลาซึ่งมีลักษณะคับแคบจะหายไป และชายหาดจะถูกร่นเข้า มาถึงพื้นที่ราบริมทะเล พื้นที่ภาคใต้จะมีฝนตกชุกและเกิดอุทกภัยบ่อยครั้ง ส่วนภาคตะวันออกเฉียง เหนือจะเผชิญกับภัยแล้ง นอกจากนั้นยังอาจเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวขึ้นทั้งในอ่าวไทยและ ทะเลอันดามัน แต่ผลกระทบที่สร้างความหวั่นวิตกให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เห็นจะเป็นผล กระทบด้านการเกษตรโดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวซึ่งนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องอาศัย ปริมาณน้ำฝนและแสงแดดที่แน่นอน
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นคงยังไม่สามารถยุติได้ในอีก 10 ข้าง หน้าแน่นอน ดังนั้นเราควรหาวิธีป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเรามีทางเลือกมากมายในการแก้ไข ปัญหาแก๊สเรือนกระจกและมีมาตรการในการช่วยลดอันตรายที่เกิดจากภาวะโลกร้อนได้ ทั้งนี้การแก้ไข ปัญหาดังกล่าวจะประสบความสำเร็จได้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนหรือแม้แต่จากบุคคลทั่วไป โดยมาตรการทีสามารถช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้มีดังนี้
-
ลดปริมาณ การปล่อยแก๊สเรือนกระจกต่าง ๆ โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สามารถ ทำได้โดยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาค อุตสาหกรรมการขนส่งและการผลิตกระแสไฟฟ้า
-
หยุดการตัดไม้ทำลายป่าและปลูกป่าทดแทน
-
การอนุรักษ์พลังงานซึ่งสามารถทำได้โดย
3.1 ในอาคารใหญ่ ศักยภาพในการประหยัดพลังงานมีมาก การกั้นที่ทำงานด้วยกระจกทำให้ สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้าในการเปิดเคื่องทำความเย็น ดังนั้นการออกแบบอาคารให้มีระบบถ่ายเทอากาศที่ เหมาะสมจะช่วยประหยัดพลังงานได้
3.2 การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าจากหลอดไส้ให้เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์จะช่วยประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์
3.3 ลดการใช้รถยนต์ที่ไร้ประสิทธิภาพจะช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์
-
การเลิกใช้สารฟลูออโรคาร์บอน (สาร CFC) หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากโฟม หรืออาจนำวัสดุที่ ทำจากโ ฟมไปดัดแปลงทำชิ้นงานอื่น ๆ แทนที่จะนำไปเผาทำลาย ซึ่งจะก่อให้เกิดมลพิษตามมา เช่น นำโฟมไปทำการอัดและนำมาทำเป็นผนังบุห้อง นอกจากนั้นเราควรตรวจสอบสภาพของเครื่องปรับ อากาศหรือเครื่องทำความเย็นอยู่เสมอ หากเกิดการชำรุดหรือรอยรั่วควรรีบซ่อมแซมทันที
-
ลดปริมาณแก็สมีเทนและไนตรัสออกไซต์ แก๊สมีเทนส่วนใหญ่เกิดจากการย่อยสลายอินทรียวัตถุ ในที่ที่ไม่มีอากาศ โดยเฉพาะในนาข้าวที่มีน้ำท่วมขัง ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวให้มีระยะ น้ำท่วมขังสั้นลงและลดปริมาณแก๊สมีเทนในการทำปศุสัตว์ โดยการปรับปรุงพันธุ์สัตว์และปรับปรุงวิธีการ ให้อาหารสัตว์ เช่น เลือกใช้ส่วนผสมในอาหารสัตว์ในอัตราส่วนที่พอเหมาะ เป็นต้น นอกจากนั้น แก๊สไนตรัสออกไซต์ยังเกิดจากการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีธาตถไนโตรเจนมากเกินไป และเกิดจากการเผาป่า ดังนั้นการลดการใช้ปุ๋ยเคมีและหลีกเลี่ยงการเผาป่าจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
-
การนำเอาระบบพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ซึ่งการใช้พลังงานหมุนเวียนส่วนใหฐ่จะไม่ก่อให้เกิด แก๊สคาร์บอนไดออกได ดังนั้นการขยายแหล่งพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการ แก้ปัญหาโลกร้อน เช่น การใช้ประโยชน์จากเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ได้ การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้พลังงาน จากกระแสลมโดยใช้กังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าหรือการใช้แก๊สมีเทนที่เกิดจากขยะในเมืองใหญ่มาผลิต กระแสไฟฟ้าหรือผลิตความร้อนแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
เอกสารอ้างอิง
โลกสีเขียว. ภาวะโลกร้อน. กรุงเทพฯ : ฉบับที่ 5, 2545.
วิทูรย์ ปัญญากุล. โลกร้อน (บทเรียนจากอนาคต). กรุงเทพฯ : สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา, 2538.
เจตน์ เจริญโท. Turn up the heat (โลกร้อน). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์บิ๊คบุ๊ค, 2534.
John Houghton.1997. Global warmimh (the complete briefing). second edition : Cambridge University press.
Global warming – Wikipedia The free Encyclopedia (Online) Available : www.en.wikipedia.org (Retrieved 12/12/06)
12,508 total views, 3 views today