สารในผักบางชนิดช่วยต้านอาการหลงลืมอันเนื่องมาจากความชรา (พ.ย.53)
โดย… นายสุทธิพงษ์ พงษ์วร
ข่าวจากเว็บไซต์ ScienceDaily วันที่ 18 ตุลาคม 2553 ได้รายงานผลการวิจัยล่าสุดว่า สารประกอบกลุ่ม ลูทอีโอลิน
ลูทอีโอลินพบได้ในพืชหลายชนิด เช่น แครอท
ภาพที่ 1 ผักบางชนิดที่มีสาร ลูทอีโอลิน
Prof. Rodney Johnson จาก University of Illinois หัวหน้าทีมวิจัยในครั้งนี้ได้กล่าวว่า “จากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมา ทำให้เราทราบว่า เมื่อเกิดการติดเชื้อของร่างกาย จะเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ส่งผลไปกระตุ้นให้ microglia cell สร้างสารเคมีขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า “cytokines” ซึ่งมีหลายชนิด และ “cytokines” ก็จะถูกใช้เป็นสัญญาณที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของสารเคมีต่างๆ ในสมอง โดย inflamentory cytokines
“การเสื่อมสภาพหรือการเกิดอาการอักเสบของสมองเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการจดจำที่จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และจากการศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้ พบว่าโดยปกติแล้วขณะที่ร่างกายเข้าสู่วัยชรา microglia cell จะกลายเป็นเซลล์ที่ไม่สามารถควบคุมได้และจะเริ่มสร้างสาร cytokines ที่ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ในสมองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหลงลืมเมื่ออายุมากขึ้น รวมทั้งโรคประสาทหรือโรคสมองเสื่อม
Prof. Johnson ได้ใช้เวลาเกือบ 10 ปี ในการศึกษาเกี่ยวกับผลของสารอาหารและสารสกัดชนิดต่างๆ จากพืช ซึ่งรวมถึง “ลูทอีโอลิน” ด้วย และจากการศึกษาพบว่ามันส่งผลดีต่อร่างกายโดยช่วยลดอาการอักเสบ
นอกจากนี้ จากผลการศึกษาของนักวิจัยอีกหลายคนยังแสดงให้เห็นว่าเมื่อนำสารพิษที่สร้างจากแบคทีเรียมาทดสอบกับ microglia cell จะทำให้ microglia cell สร้างinflamentory cytokines ขึ้นมา และสารนี้ก็จะทำให้เซลล์ประสาทตาย แต่เมื่อนำสาร “ลูทอีโอลิน” มาทดสอบกับ microglia cell ก่อนที่ microglia cell จะโดนสารพิษจากแบคทีเรีย พบว่า microglia cell ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ซึ่งการที่ microglia cell ยังสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ เป็นเพราะ “ลูทอีโอลิน” จะไปยับยั้งการสร้างสารที่มีผลไปทำลายเซลล์ประสาทนั่นเอง แต่ถ้านำเอาสาร “ลูทอีโอลิน” ไปใช้กับเซลล์ประสาทอย่างเดียวก่อนทำการทดลอง เพื่อใช้เป็นชุดการทดลองควบคุม พบว่า “ลูทอีโอลิน” ไม่มีผลต่อการอยู่รอดของเซลล์ประสาทเลย
ต่อมาทีมวิจัยของ Prof. Johnson ได้ทดลองเพื่อดูผลของ “ลูทอีโอลิน” ที่มีต่อสมองและพฤติกรรมของหนูที่โตเต็มที่ซึ่งต่อไปจะเรียกว่าหนูกลุ่มอายุน้อย
ตารางที่ 1 แสดงการทดลองผลของ “ลูทอีโอลิน” ที่มีต่อสมองและพฤติกรรมของหนู
|
หนูอายุ 3-6 เดือน |
หนูอายุ 2 ปี |
อาหารชุดควบคุม |
มีระดับของโมเลกุลของสาร inflamentory cytokines ต่ำกว่าหนูอายุ 2 ปี ที่กินอาหารชุดควบคุม |
มีระดับของโมเลกุลของสาร inflamentory cytokines สูง ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบในสมองส่วนฮิปโอแคมปัส ความสามารถในการจำลดลง เมื่อเทียบกับหนูอายุ 3-6 เดือนที่ให้กินอาหารชุดควบคุม |
อาหารที่ใส่ “ลูทอีโอลิน” |
มีระดับของโมเลกุลของสาร inflamentory cytokines ต่ำกว่าหนูอายุ 3-6 เดือน ที่กินอาหารชุดควบคุม |
มีความสามารถในการจำที่ดีกว่าหนูอายุ 2 ปีที่กินอาหารชุดควบคุม และมีระดับของโมเลกุลของสาร inflamentory cytokines ใกล้เคียงกับหนูอายุ 3-6 เดือน ที่กินอาหารชุดควบคุม |
ภาพที่ 2 สมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งเกี่ยวข้องกับความจำ คนที่เป็นโรคความจำเสื่อม (Alzheimer’s
disease) สมองส่วนนี้จะแสดงลักษณะความผิดปกติในเรื่องของความจำให้เห็นออกมาก่อน
เรียกอาการนี้ว่า Hippocampal disruption / Hippocampal dysfunction
(Picture Ref. http://en.wikipedia.org/wiki/Hippocampus (Retrieved 21/10/2010))
โดยทั่วไปแล้วหนูกลุ่มที่อายุมากจะมีระดับของโมเลกุลของสารที่ทำให้เกิดการอักเสบในสมองส่วนฮิปโอแคมปัสสูง และเมื่อทดสอบเกี่ยวกับความจำก็พบว่ามีความสามารถในการจำลดลง เมื่อเทียบกับหนูกลุ่มอายุน้อย แต่หนูกลุ่มที่อายุมากและได้รับอาหารที่ผสม “ลูทอีโอลิน” กลับมีความสามารถในการจดจำได้เท่าๆ กับหนูกลุ่มอายุน้อย และระดับของสารinflamentory cytokines ในสมองที่พบก็พบน้อยพอๆ กับที่พบในหนูกลุ่มอายุน้อย นั่นแสดงให้เห็นว่า สารสกัด “ลูทอีโอลิน” ที่ผสมลงไปในอาหารสามารถลดการทำงานของ microglia cell โดยไปลดการสร้างสาร inflamentory cytokines ซึ่งมีผลในการทำลายเซลล์สมอง
และเพื่อให้ง่ายต่อการเลือกพืชผักสดที่มีสาร “ลูทอีโอลิน
ตารางที่ 2 ปริมาณของ “ลูทอีโอลิน
ลำดับที่ |
ชนิดของพืช |
ปริมาณ “ลูทอีโอลิน
|
1 |
ผักชีฝรั่ง |
0.10 |
2 |
แครอท
แครอท |
0.13 3.75 |
3 |
ผักกาดหอม |
0.50 |
4 |
คึ่นช่ายฝรั่ง |
0.63 |
5 |
พริก |
3.87 |
6 |
บรอคโคลี |
7.45 |
7 |
ใบสะระแหน่ |
11.33 |
* ตรวจหาปริมาณลูทอีโอลิน ต่อน้ำหนักสดของพืช โดยนำมาผ่านขั้นตอนการสกัดสารต่างๆ และนำไปตรวจวัดด้วยเครื่อง HPLC
** ตรวจหาปริมาณลูทอีโอลิน ต่อน้ำหนักแห้งของพืช ทำให้แห้งที่อุณหภูมิ
ตราบใดที่เรายังบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ก็จะช่วยชะลอความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์สมองได้ ทำให้ความสามารถในการจดจำสิ่งต่างๆ ยังคงอยู่กับเราไปได้อีกนาน
แปลและเรียบเรียงจาก
Science News in Science Daily
deficits.
เอกสารอ้างอิง
Dangubon, P.
Jang, S., Kelley, K. W., & Johnson, R. W.
Miean, K. H., & Mohamed, S.
3,805 total views, 1 views today