พลานาเรียกับการกินอาหาร
พลานาเรียกับการกินอาหาร
วิลาส รัตนานุกูล
พลานาเรียเป็นสัตว์จำพวกหนอนตัวแบนชนิดหนึ่ง อยู่ใน Phylum Platyhelminthes ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน อาศัยอยู่ในน้ำจืดตามแหล่งน้ำในธรรมชาติที่มีน้ำค่อนข้างสะอาด เช่น คู คลอง หนอง บึง หรือสระน้ำในสวนสาธารณะ เป็นต้น พลานาเรียมีสมมาตรด้านข้าง (bilateral symmetry) ไม่มีโพรงลำตัว (noncoelom) บริเวณหัวมีตา 2 ตา เรียกว่า eyespot โดยส่วนตานี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนสีขาวใสมีเซลล์ประสาท และส่วนสีดำมีสารสีอัดกันแน่น ดังภาพที่ 1 ตาของพลานาเรียไม่ได้ใช้สำหรับรับภาพ แต่มีไว้สำหรับรับแสงและบอกความเข้มของแสงเท่านั้น ซึ่งเป็นผลทำให้พลานาเรียเคลื่อนที่หนีแสง บริเวณด้านข้างส่วนหัวของพลานาเรียทั้ง 2 ด้านมีลักษณะคล้ายหู เรียกว่า auricle ทำหน้าที่รับความรู้สึกเกี่ยวกับการสัมผัสและสารเคมี ทำให้สามารถเคลื่อนที่เข้าหาหรือเคลื่อนที่ออกจากสิ่งเร้าได้ เช่น สามารถเลือกกินอาหารได้ หรือเคลื่อนที่หนีสารเคมีต่างๆ ได้ เป็นต้น
ภาพที่ 1 ลักษณะภายนอกของพลานาเรีย
พลานาเรียมีระบบทางเดินอาหารที่ไม่สมบูรณ์ มีปาก (mouth) ซึ่งเป็นช่องเปิดออกสู่ภายนอกเพียงช่องเดียว อยู่บริเวณกึ่งกลางของลำตัวด้านล่าง (ventral) และมีคอหอย (pharynx) ที่มีลักษณะเป็นท่อยาวสามารถยืดและหดได้ ถัดจากคอหอยเป็นส่วนทางเดินอาหาร เรียกว่าช่องแกสโทรวาสคิวลาร์ (gastrovascular cavity) ซึ่งมีลักษณะแตกแขนงคล้ายรูปตัว Y โดยส่วนของช่อง แกสโทรวาสคิวลาร์ที่ไปยังส่วนหัวเริ่มจากบริเวณที่เป็นคอหอยจนถึงบริเวณกึ่งกลางระหว่างตาทั้ง 2 ข้างจะมีเพียงแขนงเดียว ในขณะที่ช่องแกสโทรวาสคิวลาร์ที่ไปยังบริเวณส่วนหางจะมี 2 แขนงตามด้านข้างของลำตัว ดังภาพที่ 2
ภาพที่ 2 ทางเดินอาหารของพลานาเรีย
การศึกษาการกินอาหารของพลานาเรีย
ในการศึกษาการกินอาหารของพลานาเรียเป็นการศึกษาเพื่อสังเกตทางเดินอาหารของพลานาเรีย สามารถทำได้โดยการให้พลานาเรียที่จะใช้ศึกษาอดอาหารประมาณ 2-3 วัน จากนั้นนำตับไก่สดมาสับละเอียดผสมกับผงถ่านคาร์บอนซึ่งมีสีดำเพื่อให้พลานาเรียกินเป็นอาหาร (ผงถ่านคาร์บอนมีขายตามร้านขายยาทั่วไป โดยมีชื่อทางการค้าว่า ผงถ่านคาร์บอน หรืออุลตราคาร์บอน (Ultracarbon) มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ สีดำ ส่วนใหญ่จะขายเป็นแผง ดังภาพที่ 3)
ภาพที่ 3 ผงถ่านคาร์บอน
ใช้หลอดหยดดูดพลานาเรียใส่ในสไลด์หลุม ศึกษาการกินอาหารภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดา โดยนำตับบดที่ผสมผงถ่านคาร์บอนแล้วใส่ลงไปในสไลด์หลุมที่มีพลานาเรียอยู่ จะสังเกตเห็นพลานาเรียกินอาหารโดยการยื่นอวัยวะส่วนที่เรียกว่า คอหอย ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อยาวออกมาจากส่วนปากไปยังอาหาร ดังภาพที่ 4 จากนั้นพลานาเรียจะดูดอาหารเข้าสู่ทางเดินอาหารหรือช่องแกสโทรวาสคิวลาร์ผ่านทางช่องเปิดของคอหอย เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วส่วนของคอหอยจะหดกลับเข้าไปในปาก
ภาพที่ 4 พลานาเรียยื่นส่วนคอหอยออกมากินอาหาร
เมื่อพลานาเรียกินอาหารที่เป็นตับไก่ผสมผงถ่านคาร์บอนเข้าไปแล้วจะทำให้สามารถสังเกตทางเดินอาหารหรือส่วนของช่องแกสโทรวาสคิวลาร์ของพลานาเรียได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากการติดสีดำของผงถ่านคาร์บอนใน ช่องแกสโทรวาสคิวลาร์ ซึ่งมีลักษณะแตกเป็นแขนงอยู่เต็มลำตัวของพลานาเรีย ดังภาพที่ 5
ก. ข.
ภาพที่ 5 ทางเดินอาหารของพลานาเรียที่ติดสีดำจากผงถ่านคาร์บอน
ก. ก่อนกินตับไก่ผสมผงถ่านคาร์บอน ข. หลังกินตับไก่ผสมผงถ่านคาร์บอนทำให้เห็นทางเดินอาหารติดสีดำชัดเจนในการหาตัวอย่างพลานาเรียมาศึกษา อาจหาได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติที่ค่อนข้างใส สะอาด ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว หากครูผู้สอนต้องการเพาะเลี้ยงพลานาเรียไว้สำหรับศึกษาก็สามารถทำได้โดยหาภาชนะสำหรับเพาะเลี้ยง เช่น อ่างดินเผา โหลแก้ว เติมน้ำประปาที่ปราศจากคลอรีน (น้ำประปาที่ปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 5-6 วัน) หรือน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แล้วใส่เศษกระถางแตก ก้อนหินหรือก้อนกรวดจากแม่น้ำ เพื่อใช้เป็นวัสดุเกาะหรือเป็นที่กำบังของพลานาเรีย จากนั้นใส่พลานาเรียลงไปเลี้ยง อาหารสำหรับเลี้ยงพลานาเรียคือ ไรแดง หรือลูกน้ำยุงขนาดเล็กที่ยังมีชีวิตใส่พอประมาณ หากใส่มากเกินไปจะทำให้ พลานาเรียกินไม่หมด และไรแดงมีอายุสั้นจะตายทำให้น้ำเน่าเสียได้ ให้อาหารสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หากไม่สามารถหาไรแดงได้ อาจทำได้โดยใช้ตับไก่สดสับพอแหลกแต่อย่าให้ขาดจากกัน ใช้ปากคีบคีบหย่อนลงไปบริเวณที่มีพลานาเรียอยู่ เมื่อพลานาเรียมากินแล้วให้คีบตับออกทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้น้ำเน่า พลานาเรียจะตายได้
ปัจจุบัน สาขาชีววิทยา สสวท. ได้มีการเพาะเลี้ยงพลานาเรีย และให้บริการแก่ครูผู้สอนรวมทั้งนักเรียน เพื่อนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนชีววิทยา โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใด โดยสามารถขอรับบริการได้ในวัน และเวลาราชการ (8.30 น.-16.30 น.) หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถขอรับตัวอย่างพลานาเรียได้ฟรี ที่สาขาชีววิทยา สสวท. เลขที่ 924 ถ.สุขมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. 10110 โทร.02-3924021 ต่อ 1405-6
อ้างอิง 1. ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ : องค์การค้าของ สกสค., 2553. 2. ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5. พิมพ์ครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ : องค์การค้าของ สกสค., 2554. 3. Manuel del Cerro and Marilu DeCoste. Planaria : The day We Invited Them For Lunch. (Online) Available : http://www.microscopy-uk.org.uk/mag/indexmag.html?http://www.microscopy-uk.org.uk/mag/artsep09/mdc-planaria.html (Retrieved 14/01/2013) 4. Bridgette Jenne. WHAT IS A PLANARIAN. (Online) Available :http://people.westminstercollege.edu/faculty/tharrison/emigration/planaria.htm (Retrieved 21/01/2013) 5. Waste Extraction, the Invertebrate Way. (Online) Available :http://reefkeeping.com/issues/2005-08/rs/index.php (Retrieved 24/01/2013) 6. Platyhelminthes. (Online) Available :http://skeletalphylum.weebly.com/platyhelminthes.html (Retrieved 24/01/2013) 7. Flatworms: phylum Platyhelminthes. (Online) Available :http://www.deanza.edu/faculty/mccauley/6a-labs-flatworms-01.htm (Retrieved 25/01/2012)1,200 total views, 1 views today